โรคเริม อาการ วิธีรักษาและป้องกันโรคเริม ที่ถูกต้อง !!

0
13097

โรคเริม (Herpes simplex) คืออะไร อาการ สาเหตุ วิธีป้องกันและรักษาโรคเริม เริมสามารถขึ้นได้ทั้งอวัยวะเพศชาย และ หญิง หรือที่อื่นๆ เช่น ที่ปาก และที่ตา

โรคเริม คืออะไร? พร้อมวิธีการป้องกันและรักษาอย่างถูกต้อง

เริม เป็นโรคหนึ่งที่แค่ได้ยินชื่อก็ทำเอาหลายคนถึงกับตกใจและนึกกลัวขึ้นมาทันที เพราะโรคนี้เมื่อเป็นแล้วจะสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยเป็นอย่างมาก และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว แต่ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะหากเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเริมและรู้วิธีการป้องกันสักนิด ก็จะสามารถดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคเริมได้มากขึ้นอย่างแน่นอน

โดยทั้งนี้ โรคเริมเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งของผิวหนังและเยื่อเมือกต่างๆ ที่เรียกว่าเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ซึ่งมักจะเกิดกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ และเป็นแบบเรื้อรัง คือมักจะกำเริบได้บ่อยนั่นเอง และที่สำคัญสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว โดยเฉพาะวัยเด็กระหว่างอายุ 6 เดือน – 3 ขวบ ดังนั้นจึงควรดูแลลูกหลานให้ห่างไกลจากการติดเชื้อดังกล่าวจะดีที่สุด

วิธีรักษาโรคเริม

อาการแสดงเมื่อเป็นโรคเริม

เมื่อติดเชื้อเริม ส่วนมากในระยะแรกจะยังไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น แต่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ และเมื่อติดเชื้อไปได้ระยะหนึ่งจะเริ่มมีอาการแสดงที่เห็นได้ชัดคือ มีตุ่มใสๆ ขึ้นบนผิวหนัง จากนั้นจะแตกเป็นแผลและตกสะเก็ด ซึ่งก็จะหายไปเองในที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายขาด เพราะเชื้อเริมจะยังคงแฝงอยู่ในร่างกายรอการกำเริบขึ้นมาอีก โดยหากเชื้อได้แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่ไปตามอวัยวะต่างๆ ก็จะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้

โรคเริมติดต่อสู่กันได้อย่างไร

การติดต่อของโรคเริมไปสู่ผู้อื่น จะติดต่อผ่านการสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง ซึ่งเชื้อจะผ่านเข้าทางรอยถลอกของผิวหนังหรือเยื่อเมือก โดยเฉพาะคนที่เป็นแผลจะติดต่อได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป นอกจากนี้ก็สามารถติดต่อผ่านทางการใช้ของร่วมกันได้อีกด้วย ดังนั้นแพทย์จึงมักจะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคนี้แยกของใช้ส่วนตัวออกต่างหากและพยายามอย่าสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้อื่น ซึ่งหากเกิดกับเด็กวัยเรียนก็จะแนะนำให้เด็กหยุดเรียนจนกว่าจะหายนั่นเอง

วิธีป้องกันเริม

วิธีการรักษา เมื่อป่วยด้วยโรคเริม

สำหรับการรักษาโรคเริม จะรักษาตามอาการของผู้ป่วยพร้อมกับให้ยาต้านไวรัสร่วมด้วย และต้องพิจารณาด้วยว่าผู้ป่วยมีการติดเชื้อเริมที่ส่วนไหนของร่างกาย เพื่อจะได้ทำการรักษาได้ตรงจุด โดยมีแนวทางการรักษาดังนี้

  1. เริมที่ตา รักษาด้วยการใช้ยาต้านไวรัสชนิดหยอดหรือป้ายตา ซึ่งก็มีตัวยาหลายชนิด แต่ที่นิยมได้แก่ ยาหยอดตาไตรฟลูริดีน หยอดทุก 2 ชั่วโมง และยาขี้ผึ้งป้ายตาไวดาราบีน ป้ายตาวันละ 5 ครั้ง และอาจให้ทานยาอะไซโคลเวียร์ร่วมด้วย
  2. เริมที่ปากและอวัยวะเพศ รักษาด้วยการให้ยา ยาอะไซโคลเวียร์ โดยทานทุก 4 ชั่วโมง ซึ่งจะต้องทานต่อเนื่อง 10-14 วันหรือจนกว่าจะหาย นอกจากนี้ก็อาจใช้ครีมพยาญอที่เป็นสมุนไพรเพื่อรักษาเริมที่อวัยวะเพศได้เหมือนกัน
  3. เริ่มที่ช่องคลอดในหญิงตั้งครรภ์ หากติดเชื้อเริมที่ช่องคลอดในขณะตั้งครรภ์ จะรักษาตามอาการโดยใช้ยาที่ไม่ส่งผลกระทบต่อทารก และหากติดเชื้อในระยะใกล้คลอด แพทย์ก็จะทำการผ่าคลอดทางหน้าท้องแทนการคลอดปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกติดเชื้อไปด้วย
  4. การดูแลตนเอง โดยจะช่วยรักษาอาการป่วยโรคเริมได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ใช้สบู่ฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดแผลเป็นประจำ และที่สำคัญควรตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการเกาแผลอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้แผลเกิดการติดเชื้อมากกว่าเดิมและอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้นั่นเอง นอกจากนี้หากมีอาการลุกลามอย่างรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

สาเหตุโรคเริม

การป้องกันตนเองจากโรคเริม

โรคเริม เมื่อเป็นแล้วจะรักษาให้หายได้ยากและมักจะมีอาการกำเริบขึ้นมาบ่อยๆ ดังนั้นควรป้องกันตนเองและคนที่รักให้ห่างไกลจากโรคเริมตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่า ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

1. เลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่น

เพราะผู้ป่วยเริมบางคนอาจไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น จึงทำให้เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าบุคคลนั้นกำลังป่วยด้วยโรคนี้อยู่หรือไม่ โดยเฉพาะหญิงขายบริการ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองอย่างเด็ดขาด แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยจะดีที่สุด นอกจากนี้ก็ควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ทางปากเช่นกัน

2. อย่าใกล้ชิดกับผู้ป่วย

การใกล้ชิดหรือสัมผัสร่างกายของผู้ป่วย เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว โดยเฉพาะการสัมผัสแผล น้ำลาย หรือสิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วย ซึ่งหากจำเป็นควรใส่ถุงมือเมื่อต้องสัมผัสกับผู้ป่วยทุกครั้ง

3. เลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น

เพราะการใช้สิ่งของร่วมกัน เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อโรคเริมไปสู่กันได้ ดังนั้นจึงควรเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า เสื้อผ้า ถ้วยชาม เป็นต้น ซึ่งหากทำได้ดังนี้ก็จะไม่ทำให้ป่วยด้วยโรคเริมได้ง่ายอย่างแน่นอน

โรคเริม

เริม เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม โดยหากพบความผิดปกติที่คาดว่าอาจจะเป็นโรคชนิดนี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาในทันที และที่สำคัญจะต้องสังเกตอาการของตัวเองอยู่เสมอ เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่จะไปเพิ่มความรุนแรงให้กับโรคเริมมากขึ้น จนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้สูงนั่นเอง และเนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ และไม่มียาที่รักษาให้หายขาดได้โดยตรง จึงควรระมัดระวังตัวเองให้ห่างไกลจากโรคนี้จะดีที่สุด

1 Star2 Stars3 Stars4 Stars5 Stars (No Ratings Yet)
Loading...