ปอดอักเสบ ภาษาอังกฤษ (Pneumonitis) หรือ ปอดติดเชื้อ โรคปอดบวม อาการ สาเหตุ และวิธีรักษาเบื้องต้นที่คุณควรรู้ เรารวบรวมข้อมูลมาให้ทุกท่านแล้วที่นี่
ปอดอักเสบ โรคร้ายใกล้ตัวที่คุณไม่ควรมองข้าม
Contents
บางครั้งเมื่อเราได้ยินเรื่องโรคเกี่ยวกับปอดหลายคนอาจคิดว่าไม่ใช่โรคร้ายแรง หรืออาจเป็นเพียงแค่ไข้หวัดธรรมดาทั่วไป แต่คุณรู้ไหมคะว่าโรคปอดที่ดูธรรมดาๆ อาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนที่คุณรักได้ รวมถึงโรค “ปอดอักเสบ” ด้วย โรคปอดอักเสบเป็นโรคร้ายที่มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันโรคร้ายชนิดนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว เราจึงต้องทำความรู้จักกับโรคปอดอักเสบให้ดีขึ้นก่อนจะสายเกินไปค่ะ
ปอดอักเสบคืออะไร?
โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) หมายถึง อาการอักเสบของเนื้อเยื่อที่ปอด ส่งผลให้ปอดของเราทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจไม่เต็มอิ่มหรือหายใจลำบาก ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย แค่เพียงออกแรงเล็กน้อยหรือเดินขึ้นบันไดก็อาจเกิดอาการเหนื่อยหอบแล้ว ซึ่งโรคปอดอักเสบนั้นสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียวค่ะ ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่มักพบว่าเป็นโรคปอดอักเสบบ่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเด็กเล็กและผู้สูงอายุ แต่โรคนี้ก็อาจเกิดกับคนทั่วไปได้ทุกเพศทุกวัยที่มีความเสี่ยง อยู่ในพื้นที่ใกล้กับคนที่เป็นโรคหรือร่างกายอ่อนแอเช่นกัน
สาเหตุการเกิดของโรคปอดอักเสบ
สาเหตุของโรคปอดอักเสบเกิดจากการติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสและเชื้อรา แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้เชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคไข้หวัดใหญ่ ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักของโรคปอดอักเสบอีกด้วย เมื่อเราติดเชื้อจนทำให้ปอดอักเสบ ระยะแรกจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่คือมีไข้สูง มีอาการไอ นอกจากนี้จะมีอาการเจ็บหน้าอกและเหนื่อยหอบร่วมด้วย แต่ในผู้ป่วยบางรายก็อาจแสดงอาการระยะแรกแค่เหนื่อยและซึมเท่านั้นค่ะ ด้วยความที่การแสดงอาการเริ่มต้นไม่ชัดเจนนี่เองที่ทำให้หลายๆ คนละเลยอาการของปอดอักเสบจนนำไปสู่ระยะที่รุนแรงขึ้นในที่สุด ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจเกิดร่วมเมื่อมีโรคปอดอักเสบ คือ อาการไข้ฉับพลัน ตัวร้อน มีอาการไอเป็นระยะๆ เริ่มจากไอแห้งแล้วจึงมีเสมหะปน จากนั้นผู้ป่วยจะเริ่มเจ็บหน้าอกโดยมีความรู้สึกเจ็บแปลบ บางครั้งอาการเจ็บร้าวไปถึงสีข้างหรือท้อง จากนั้นเมื่ออาการรุนแรงขึ้นจะเริ่มมีภาวะหายใจถี่เร็ว เหนื่อยหอบ ปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ในผู้สูงอายุเราอาจพบว่ามีอาการซึมแต่ไม่มีไข้ ส่วนในเด็กเล็กจะมีอาการท้องอืดท้องเสียและอาการชักร่วมด้วย
เมื่อตรวจพบว่าติดเชื้อปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเราต้องทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งทันที แต่การติดเชื้อจากไวรัสนั้นไม่มียาเฉพาะทาง เราจึงต้องพบแพทย์และทำตามคำแนะนำอย่างใกล้ชิดร่วมกับการรักษาไปตามอาการ เช่น การทานยากลุ่มพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ การเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น การทานยาละลายเสมหะ การให้ยาเพิ่มความดันโลหิตหรือขยายหลอดลม ในรายที่อาการรุนแรงอาจต้องให้อาหารผ่านสายยางที่ต่อเข้าร่างกายหรือให้ออกซิเจน แต่ไม่ว่าจะมีอาการในระยะไหนเราก็ควรติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและไปพบแพทย์ตามนัดเสมอ
การดูแลขั้นเบื้องต้น
สำหรับการดูแลขั้นเบื้องต้นของผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดอักเสบ นอกจากการไปพบแพทย์โดยทันทีและไปตามนัดแล้ว เรายังต้องทานยาตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัดโดยรับประทานไปจนหมดและห้ามหยุดทานยาด้วยตัวเองเด็ดขาดแม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม (ส่วนใหญ่จะต้องทานยาต่อเนื่อง 10-14 วัน) นอกจากนี้ยังต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดการออกแรงหรืออกกำลังกายหนักๆ รวมถึงสังเกตอาการของตัวเองอยู่เสมอ หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดที่ป่วยมีอาการรุนแรงขึ้นต้องไปพบแพทย์ทันที
แต่ถ้าหากใครอยากหลีกหนีให้ไกลจากโรคปอดอักเสบ การป้องกันโรคนี้ก็ทำได้ไม่ยากค่ะแค่เราต้องหมั่นดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงใช้มาส์กหรือหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่ๆ มีฝุ่นควันหนาแน่น หรืออยู่ร่วมพื้นที่ปิดกับคนที่มีอาการไอ จาม หรือเป็นโรคปอดอักเสบ ซึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นเด็กเล็กกับผู้สูงอายุนั้นยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษเพราะมีอัตราการเกิดโรคปอดอักเสบสูงกว่าคนวัยหนุ่มสาวค่ะ
โรคปอดอักเสบเป็นโรคที่ไม่มีแนวทางการรักษาโดยตรง สามารถทำได้เพียงแค่ทานยาฆ่าเชื้อเมื่อเกิดอาการของโรค นอกจากนี้สำหรับผู้ป่วยบางคนที่ติดเชื้อไวรัสก็ไม่มียาโดยตรงทำได้แค่การรักษาตามอาการ นอกจากนี้หากเราดูแลร่างกายตัวเองไม่ดีพอ อาการก็จะยิ่งรุนแรงและทรุดลงไปอีก ถือเป็นโรคร้ายที่แอบแฝงอยู่ในสังคมยุคใหม่และมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับเราทุกคน เพราะฉะนั้นหากไม่ต้องการให้โรคร้ายชนิดนี้เกิดขึ้นกับตัวเองและคนที่คุณรัก ก็ต้องหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอและไม่พาตัวเองไปอยู่ในความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคปอดอักเสบได้ เพราะเมื่อเกิดโรคขึ้นมา การรักษานั้นไม่คุ้มค่าเลยกับสุขภาพที่อ่อนแอลงโดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงวัยที่มีความเสี่ยงจะติดเชื้อรุนแรงและเสียชีวิตได้สูงมาก ดังนั้นหันมาดูแลตัวเองและคนใกล้ตัวในวันนี้ก่อนที่จะสายเกินไปจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดค่ะ