ฝ้า (Melasma) สาเหตุของฝ้าเกิดจากอะไร ? ปัญหาการเกิดฝ้าบนใบหน้าคงเป็นปัญหาที่สาวๆหลายคนวิตกกังวลอย่างมาก วันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับ วิธีรักษาฝ้า และป้องการเกิดฝ้า ทั้งแบบธรรมชาติและแบบใช้ยา ซึ่งวิธีดังกล่าวอาจช่วยให้สาวๆหลายคนรักษาฝ้าให้หายขาดได้ เรามาเรียนรู้ด้วยกันค่ะ
9 วิธีรับมือกับปัญหา “ฝ้า” ที่สาวๆต้องรู้
หนึ่งในปัญหาผิวที่สาวๆต้องประสบกันบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อวัยของเราเพิ่มมากขึ้น ก็เหมือนกับว่า ผิวจะเริ่มอ่อนแอและเกิดปัญหาได้ง่ายขึ้นยิ่งกว่าเดิม แถมเมื่อเกิดปัญหาผิวขึ้นแล้วยังรักษาได้ยากอีกด้วย
ฝ้า เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับสาวๆส่วนมาก เพราะสามารถเกิดขึ้น ง่ายแต่กลับรักษาให้หายขาดนั้นยากยิ่ง วันนี้ เรามาทำความรู้จักกับ “ฝ้า” ให้ดียิ่งขึ้น
สาเหตุการเกิดฝ้า
ฝ้า มีลักษณะเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลอ่อน บางรายก็เป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งส่วนมากจะเกิดขึ้นบนใบหน้า ส่วนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดมากๆ เมลานิน หรือเม็ดสีผิว จะทำงานหนักขึ้น ในบริเวณนั้นๆ จนเกิดเป็นสีผิวที่เข้มไม่สม่ำเสมอกัน ซึ่งรังสีที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้านั้น เรียกว่า รังสี UVA ซึ่งจัดว่าเป็นรังสีที่มีคลื่นความยาวกว่ารังสี UVB
บริเวณที่มักเกิดฝ้า ได้แก่ หน้าผาก, โหนกแก้ม, จมูก, เหนือริมฝีปาก รวมทั้งบริเวณเหนือคิ้ว ก็มีโอกาสเกิดฝ้าได้ทั้งนั้น ปัญหาเรื่องฝ้านั้น มักเกิดกับผู้หญิงในวัย 30 ปีขึ้นไป
สาเหตุอื่นๆนอกจากการเผชิญกับแสงแดดโดยไ่ม่ป้องกันแล้ว ยังมีสาเหตุจาก การทานยาคุมกำเนิดบางชนิด, การใช้เครื่องสำอาง รวมทั้งฮอร์โมนและพันธุกรรมก็มีส่วนที่ทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน
ฝ้าแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ฝ้าแบบตื้น และ ฝ้าแบบลึก
ฝ้าแบบตื้น เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นกับผิวชั้นนอก มีสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดง่ายและรักษาง่ายเช่นกัน
ฝ้าแบบลึก คือฝ้าที่เกิดขึ้นในระดับที่ลึกลงไป ทำให้สีของฝ้ากลายเป็นสีน้ำตาลอมม่วง หรืออมฟ้า ซึ่งจัดว่าเป็นฝ้าประเภทที่รักษาได้ยาก และอาจทำได้เพียงช่วยให้แลดูจางลงบ้างเท่านั้น
วิธีป้องกันและรักษาเมื่อเกิดฝ้า
1.ในเรื่องของการรักษานั้นสามารถทำได้ร่วมกับการป้องกันเบื้องต้น อย่างการหลีกเลี่ยงแสงแดด รวมทั้งการใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และต้องให้แน่ใจว่างครีมกันแดดนั้น เป็นประเภท PA+++ ซึ่งจะเป็นครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
2. เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม ควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเลือกใช้ครีมจำพวกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ กรดโคจิก, กรดAHA ,วิตามินC และ อาร์บูติน เป็นสำคัญ ร่วมกับครีมที่มีสรรพคุณในการรักษาฝ้าต่างๆ ก็จะช่วยให้รอยฝ้าจางลงได้
3. ว่านหางจระเข้ เป็นสูตรรักษาฝ้าด้วยวิธีการจากธรรมชาติ โดยให้ใช้ว่านหางจระเข้ 1 ใบใหญ่ ที่แก่แล้ว และนำไปแช่ในน้ำเป็นเวลา 10 นาที ก่อนจะปอกเปลือกและล้างให้สะอาด นำมาปั่นให้ละเอียด นำมาพอกหน้าแล้วทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนจะล้างออกด้วยน้ำสะอาด สำหรับสูตรนี้ให้ทำเป็นประจำ อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยให้ปัญหารอยฝ้าจางลงได้
4. มะขามเปียก(น้ำมะนาวหรือน้ำมะกรูด) การใช้ความเปรี้ยวจากมะขามเปียก หรือน้ำมะนาว หรือน้ำมะกรูดนั้น เราสามารถนำมารักษาฝ้าได้ โดยการนำมาพอกเอาไว้เพียงบางๆ ตรงที่เป็นรอยฝ้า ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก ซึ่งมะขามเปียกจะทำการผลัดเซลล์ผิวเก่า ช่วยให้รอยฝ้าจางลง
5. ใบบัวบก อีกหนึ่งสมุนไพรที่สามารถรักษาอาการของโรคผิวหนังได้อย่างได้ผล โดยเฉพาะรอยกระและรอยฝ้า รวมทั้งสิวอีกด้วย สำหรับวิธีใช้ ให้เรานำ ใบบัวบกมาปั่น จนกลายเป็นน้ำ แล้วเอามาเช็ดผิวหน้า เสมือนการใช้โทนเนอร์ทุกวันก่อนนอน
6. น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ สำหรับน้ำส้มสายชูชนิดนี้นั้น มีประโยชน์มากมาย รวมทั้งยังสามารถทำให้ผิวพรรณของเรากระจ่างใส เนียนนุ่มได้ ด้วยการนำมาผสมกับน้ำสะอาด และใช้สำลีชุบทาให้ทั่วใบหน้า ปล่อยไว้ให้แห้ง จึงล้างออก
7.หัวไชเท้า ให้เรานำหัวไชเท้ามาปั่นหรือบดหยาบ แล้วนำมาพอกผิวหน้าทิ้งเอาไว้เป็นเวลา 10 – 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สามารถใช้สูตรนี้ได้ วันเว้นวัน หรือ 3 วันต่อสัปดาห์ จะทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ริ้วรอยลดลง ซึ่งหลังจากล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นแล้ว อย่าลืมกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็น หรือโทนเนอร์ เพื่อป้องกันปัญหารูขุมขนกว้าง (สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หากมีอาการผิดปกติให้ล้างออก และเลิกใช้สูตรนี้เลย เพราะความไวของผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน)
8. ไข่ขาว สามารถนำมาช่วยดูแลปัญหาผิวของเราด้วยการ นำไข่ขาวทาบางๆ ในจุดที่เกิดฝ้า ทิ้งไว้ 10 นาที ก่อนจะล้างออก โดยไข่ขาวจะทำการดูดซับสิ่งสกปรก รวมทั้งรอยฝ้า ให้ใบหน้าของเรากระจ่างใสหมดจดได้อย่างง่ายดาย
9. การดูแลตนเองจากภายใน ปัญหาในเรื่องผิวพรรณนั้น นอกจากการบำรุงผิวด้วยวิธีการต่างๆแล้ว การบำรุงจากภายใน ด้วยการเลือกทานอาหารที่ดี ดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็ช่วยให้สุขภาพของผิวพรรณเราดีขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด สำหรับปัญหาผิวพรรณนั้น ขอแนะนำให้เสริมด้วยวิตามินเอ, วิตามินอี และวิตามินซี ซึ่งวิตามินทั้ง 3 ชนิดนี้จะช่วยให้ผิวของเราสดใสและดูมีออร่ามากขึ้น เมื่อสุขภาพผิวของเราแข็งแรงแล้ว ก็ยากที่ปัญหาฝ้าจะเกิดขึ้นกับใบหน้าของเราได้
ดังนั้น การแก้ปัญหาผิวที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ การทานน้ำและอาหารที่ดี รวมทั้งพยายามทำสุขภาพจิตให้ดีไม่เครียดง่าย รวมทั้งทาครีมกันแดดทุกครั้ง ในทุกๆวัน แม้ว่าจะเป็นวันที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ตาม