ไข้หวัด อาการไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่แตกต่างอย่างไร สังเกตให้ดี !!

0
2006

ไข้หวัด หลายคนเป็นบ่อยโดย แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าตนเองหรือคนรอบข้างนั้นเป็น ไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ วันนี้เรารวบรวมข้อสังเกตุ ข้อแตกต่างระหว่างไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ เพื่อที่เวลาเป็นแล้วจะได้รักษาและป้องกันอย่างถูกวิธี

สังเกตให้ดี ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ต่างกันตรงไหน

เข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เมื่ออากาศกำลังเปลี่ยนแปลง สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นและทุกคนน่าจะเคยเป็นกันก็คือ ไข้หวัดรวมถึงไข้หวัดใหญ่ ขึ้นชื่อว่าไข้หวัด ไม่มีใครที่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนที่เรารักกันทั้งนั้น แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการไข้ที่เราเป็นนั้น เรียกว่าไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่กันแน่ ความแตกต่างของทั้งสองอย่างอยู่ตรงไหน ว่าแล้วเราไปหาคำตอบพร้อมกันเลยดีกว่า

ไข้หวัดหรือไข้หวัดธรรมดา เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่ส่งผลต่อระบบหายใจและการอักเสบ โดยทั่วไปแล้วอาการไข้หวัดธรรมดาจะไม่มีอาการที่รุนแรงและโอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนนั้นเป็นไปได้น้อยมาก โรคไข้หวัดเป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและในวัยผู้ใหญ่ สำหรับเด็กก่อนปฐมวัยมักจะเป็นโรคนี้ได้ง่าย เพราะมีระบบภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่า ซึ่งโรคไข้หวัดหรือไข้หวัดธรรมดานี้จะพบมากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว

ไข้หวัด

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อทางระบบหายใจแบบเฉียบพลัน ซึ่งต้นเหตุหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ก็คือการที่ร่างกายได้รับไวรัสที่เรียกว่า influenza virus ซึ่งไวรัสที่กล่าวมานี้มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ influenza A และ B และinfluenza C ส่วนใหญ่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มักจะพบเจอจะเป็นไวรัสชนิดเอและบี ซึ่งจะพบได้บ่อยตามช่วงฤดู แน่นอนว่าความรุนแรงรวมทั้งอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้จะต้องมีการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกครั้งเมื่อเกิดไข้หวัดใหญ่เกิดการกลายพันธ์ใหม่

ข้อแตกต่างของอาการไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ เบื้องต้นที่เราควรรู้มีดังนี้

  1. เมื่อป่วยอาการไข้หวัดธรรมดาจะค่อยๆแสดงอาการออกมาทีละน้อย โดยเริ่มคัดจมูก น้ำมุกไหล ไอจาม อาการไข้หรือปวดเมื่อยตามข้อต่างๆจะไม่ค่อยเห็น แต่สำหรับไข้หวัดใหญ่จะเกิดอาการขึ้นอย่างเฉียบพลัน ไม่ว่าจะเป็น ไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอาการไอบ่อยๆ ความอ่อนล้าอ่อนเพลียมีมาก อากรปวดศีรษะมักจะรุนแรงกว่า
  2. ไข้หวัดธรรมดาจะมีอาการทางระบบหายใจเป็นอันดับแรก เช่น ไอจาม เจ็บคอ มีเสมหะ ส่วนไข้หวัดใหญ่ลักษณะอาการที่เด่นชัดก็คือ ร่างกายอ่อนเพลียมาก ไม่มีแรง ปวดเมื่อยตามร่างกายไปหมดทุกส่วน
  3. ไข้หวัดธรรมดาสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติถึงแม้จะมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อย หรือมัดจะมีการไอจามตลอดเวลา ซึ่งก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานแต่อย่างไร ส่วนไข้หวัดใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลียมาก ต้องการที่จะนอนพักผ่อนอยู่ตลอดเวลา เบื่ออาหาร มีไข้สูงติดต่อกันหลายวัน บางคนมีอาการคลื่นไส้อาเจียนและท้องเสียร่วมด้วย โอกาสที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนมีได้ง่ายกว่า เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลันและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ที่มีความรุนแรงมากกว่า ทั้งนี้ลักษณะอาการของโรคที่เกิดขึ้น ขึ้นอยู่กับร่างกาย วัย อายุและภูมิคุ้มกันรวมถึงโรคประจำตัวเดิมของแต่ละคนด้วย

ไข้หวัดใหญ่ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกเพศทุกวัย แต่อัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคชนิดนี้มักจะพบได้ง่ายในช่วงวัยเด็ก ส่วนอัตราความเสี่ยงของการเสียชีวิตนั้นจะพบในวัยผู้สูงอายุที่มีระดับอายุโดยเฉลี่ย 60 ปีขึ้นไปหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคตับ โรคไต และผู้ที่เป็นหืดหอบ

ไข้หวัดใหญ่

การดูแลตัวเอง เมื่อเป็นไข้หวัด

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ร่างกายมีความอบอุ่นอยู่เสมอ
  2. ดื่มน้ำสะอาดให้มากในแต่ละวัน ในกรณีที่เป็นไข้หวัดควรดื่มน้ำให้ได้ 12-18 แก้วต่อวัน หากเป็นน้ำอุ่นก็จะดีมาก
  3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ย่อยง่าย
  4. กินยาพาราเซตามอลเพื่อลดอาการไข้ ต้องบอกก่อนว่า อาการไข้หวัดที่เกิดขึ้น การรักษาทำได้เพียงแค่รักษาตามลักษณะอาการที่เกิดขึ้น ไม่ยาที่จะใช้ในการรักษาได้โดยตรง
  5. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม ทุกชนิด
  6. สวมใส่หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการติดเชื่อและการแพร่เชื้อ
  7. เมื่อมีน้ำมูก ควรใช้ผ้าสะอาดหรือกระดาษทิชชู่ เช็ดออก แต่ไม่ควรที่จะเช็ดและสั่งน้ำมูกแรงๆ เพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบได้
  8. ควรเช็ดตัวหรืออาบน้ำด้วยน้ำอุ่น

ไช้หวัดธรรมดา

การป้องกันไข้หวัดใหญ่

สามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสซึ่งสามารถฉีดได้ปีละครั้ง แต่วัคซีนที่ได้รับการฉีดนั้นไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ทุกชนิด การให้ยา Amantadine หรือ Rimantadine จะใช้เมื่อหลังจากพบอาการว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ภายใน 2-3 วัน ส่วนยาต้านนั้นมักจะให้สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อเท่านั้น

การป้องกันไข้หวัดธรรมดา

ไข้หวัดธรรมดาในปัจจุบันนั้นยังไม่มีวัคซีนที่ช่วยในการป้องกันอย่างเช่นไข้หวัดใหญ่ ดังนั้น การป้องกันที่ทำได้คือ

  1. การรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์
  2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ
  4. ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งทั้งก่อนทานอาหารและหลังจากเข้าห้องน้ำ
  5. ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันล่ะ 8-12 แก้ว
  6. เมื่ออาการผิดปกติหรือเป็นไข้ติดต่อกันหลายวัน ไม่หายสักที ควรพบแพทย์และไม่ควรซื้อยามาทานเอง

การป้องกันไข้หวัด

เราจะเห็นได้ว่า โรคไข้หวัดและไข้หวัดนั้น มีลักษณะอาการที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก ดังนั้น การสังเกตอาการต่างๆเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น หากมีอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวันและมีแนวโน้มว่าไม่ดีขึ้นแน่ๆให้รีบไปพบแพทย์ทันที แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการป้องกันและหลีกเลี่ยงก็คือ การดุแลรักษาสุขภาพให้แข็งแอรงอยู่เสมอ

1 Star2 Stars3 Stars4 Stars5 Stars (No Ratings Yet)
Loading...